ต้นเหตุของเรื่อง...คือฉันที่ผิด[2] - ต้นเหตุของเรื่อง...คือฉันที่ผิด[2] นิยาย ต้นเหตุของเรื่อง...คือฉันที่ผิด[2] : Dek-D.com - Writer

    ต้นเหตุของเรื่อง...คือฉันที่ผิด[2]

    เมื่อรักที่ฉันเฝ้ารอมานานเป็นจริงมันเหมือนกับเรื่องโกหก ฉันมีความสุขกับรักครั้งนี้ แต่แล้ว...เรื่องก็เกิดขึ้นเพราะความโลเลของฉัน

    ผู้เข้าชมรวม

    210

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    210

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    1
    หมวด :  ซึ้งกินใจ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  3 ธ.ค. 51 / 11:43 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    ถ้าเพียงแต่ฉันจะรู้ตัวเร็วกว่านี้

    ฉันจะไม่มีวันตัดสินใจอย่างนั้น

    ถ้าเพียงแต่ฉันจะซื่อสัตย์ต่อคนรักให้มากกว่านี้

    จะไม่ต้องมีใครมานั่งเสียใจกับการกระทำของฉันในวันนี้

    ถ้าเพียงแต่ฉันจะหักห้ามหัวใจตัวเองได้

    ฉันจะไม่มีทางหักหลังและทรยศเขา




    *************************



    ลิงค์ตอนที่1ของ ต้นเหตุของเรื่อง...คือฉันที่ผิด

    http://my.dek-d.com/alone_lb/story/view.php?id=469422



    ลิงค์ตอนที่3ของ ต้นเหตุของเรื่อง...คือฉันที่ผิด

    http://my.dek-d.com/dek-d/story/view.php?id=469839

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ต้นเหตุของเรื่อง...คือฉันที่ผิด[2]


                 
      หลังจากเวลาได้ล่วงเลยผ่านไปได้สี่ปีกว่า ฉันเลือกที่จะเป็นคนตัดใจจากเขาคนนั้น...คนที่ฉันรัก มีคนเข้ามาจีบฉันมากมายแต่ฉันก็ปฏิเสธเพราะฉันมีเพียงเขาในหัวใจเท่านั้น คนอื่นอาจจะมองว่ามันเป็นรักแบบเด็กๆไม่นานเดี๋ยวก็ลืมไปเอง ฉันก็อยากให้มันเป็นแบบนั้น แต่นี่...เวลาผ่านไปตั้งนานแล้ว ทำไมฉันยังไม่สามารถลืมเขาได้จนในที่สุดวันหนึ่งเมื่อมีคนมาขอคบฉันตัดสินใจคบกับเขาทั้งๆที่ฉันไม่ได้มีใจให้เขาแม้แต่น้อย เขารู้...ว่าฉันมีคนที่ฉันรักอยู่ในใจแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้ขอให้ฉันลืมเขาคนนั้น...เขากลับขอร้องเพียงแค่ว่าถึงฉันจะไม่รักเขาแต่ก็ขอให้ฉันอย่าได้ทิ้งเขาไป

                  ฉันคบกับเขาได้แค่เพียงครึ่งเดือน ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีมันทำให้ฉันทำร้ายเขาไม่ได้ ฉันยังลืมเขาคนนั้น...คนที่ฉันรักไม่ได้ แล้วฉันเอาแฟนคนปัจจุบันมาเป็นตัวแทนของเขาคนนั้นแบบนี้ ฉันรู้ตัวว่าเลวมาก แฟนฉันเขารู้ว่าที่คบกันเพราะฉันเห็นเขาเป็นตัวแทนใครอีกคน ฉันขอเลิกเขาหลายครั้ง แต่เขากลับปฏิเสธและขอร้องว่าอย่าทิ้งเขาไป ฉันเสียใจมาก ฉันไม่รู้จะทำอะไรต่อไป

                  ฉันสงสารเขาต่อให้ไม่รักแต่ฉันก็มีความผูกพันกับเขาในระดับหนึ่ง ในช่วงเวลาที่คบกันฉันมีความสุข ในบางห้วงเวลาที่เราใช้เวลาร่วมกันเขาสามารถทำให้ฉันลืมเขาคนนั้นได้ แต่ถ้าฉันยังรั้งเขาเอาไว้แบบนี้ มันก็รังจะมีแต่ความเสียใจ เขารักฉันฉันรู้ ฉันพยายามจะรักเขา แต่ฉันทำไม่ได้ ทั้งๆที่เขาก็ดีกับฉันขนาดนี้ ทั้งๆที่เขาทุ่มเทให้ฉันทุกอย่าง แต่เพียงคำขอร้องเดียวที่เขาขอ ฉันทำให้เขาไม่ได้ฉันทำร้ายเขาไม่ลง และต่อจากนั้นไม่นานเราก็เลิกกัน

                  เวลาล่วงเลยผ่านไปห้าปีกับเดือนเศษๆฉันยังคงคิดถึงเขาคนนั้นอยู่ตลอด ทุกครั้งที่มองท้องฟ้าฉันหวังเพียงว่าเขาจะมีความสุขและไม่เศร้าอย่างที่ฉันเป็นในตอนนี้ เวลาที่ฉันเข้าไปในตัวเมืองเมื่อรถขับผ่านสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆหรือเวลาฉันไปทำบุญฉันเฝ้าเพียรภาวนาขอให้ฉันได้เจอกับเขา อีกแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ขอให้ฉันได้เจอกับเขาและรู้ว่าเขายังมีความสุขดีกับชีวิตฉันก็พอใจแล้ว ไม่ว่าจะนานแค่ไหนฉันก็จะรอ ระยะเวลาห้าปีที่ผ่านมาได้พิสูจน์ให้ฉันรู้ว่าฉันรักเขามากเพียงใด มันเป็นความรักที่อยู่ลึกเข้าไป ไม่ได้ฉาวโฉบเหมือนเวลาที่ฉันคบกับเขาคนที่ฉันเพิ่งจะขอเลิกไป

                  ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเมื่อครั้งใดที่ฉันคิดถึงเขาคนนั้น...ผู้ชายที่ฉันรัก ฉันมักจะร้องไห้เสมอ ฉันยังจำภาพในวันเก่าๆ ช่วงเวลาที่ได้อยู่กับเขา ช่วงเวลาที่ได้ทำกิจกรรมด้วยกัน ช่วงเวลาที่เราหัวเราะและร้องไห้ไปพร้อมๆกัน ฉันยังคงยึดมั่นอยู่กับความทรงจำที่แสนจะมีค่ามากมายสำหรับฉัน แต่ว่ามันก็ทรมานเหลือเกินการที่จะต้องรอ...รอโดยไม่รู้ว่าเวลานั้นจะมาถึงเมื่อไหร่ แต่ในเมื่อห้าปีที่ผ่านมาฉันยังรอเขาได้ ต่อให้ต้องรอนานกว่านี้ฉันก็จะรอ ขอเพียงแค่ได้พบกับเขาอีกสักครั้งเท่านั้น แต่ฉันไม่รู้ว่าเขาจะจำฉันได้รึเปล่า ฉันรักเขาฉันจำทุกอย่างเกี่ยวกับเขาได้ แต่เขาหล่ะ...สำหรับเขาฉันมันคงไม่มีค่าพอจะให้จำขนาดนั้น

                  ฉันเริ่มไม่สบายตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคม ฉันปวดหัวมาก ฉันเป็นไมเกรน ฉันมาเรียนที่โรงเรียนหญิงล้วนประจำจังหวัดและพักอยู่หออาจารย์ที่ห่างจากโรงเรียนไม่ถึงโล ฉันเริ่มไปๆขาดๆและเวลาผ่านไปเพียงสองอาทิตย์อาการฉันก็ทรุดจนต้องหยุดเรียนฉันไปหาหมออาทิตย์ล่ะสองครั้ง เปลี่ยนยาไปเรื่อย เวลามีอาการขึ้นมาฉันจะทรมานมาก ฉันไม่อยากจะได้ยินเสียง ไม่อยากจะเห็นแสงสว่าง ฉันอยากจะอยู่ในห้องมืดๆที่ไร้เสียงไร้แสงและไร้ผู้คน แม้กระทั่งลมหายใจตัวเองฉันก็ไม่อยากได้ยิน จนวันหนึ่งฉันคิดที่จะลองหยุดหายใจ ฉันคิดว่าถ้าฉันหยุดหายใจไปซักนาทีสองนาที ฉันจะหายจากความทรมานนี้รึเปล่า แต่ฉันก็ทำไม่ได้เพราะอาการปวดมันมีมากกว่า

                  ฉันขาดเรียนตั้งแต่ตอนนั้นและใช้ชีวิตทั้งวันอยู่ในห้องที่หอพัก ฉันตื่นมากินยาแล้วนอน พอตื่นมาอีกทีฉันก็จะลุกขึ้นมานั่งอ่านหนังสือแต่อ่านไปได้เพียงไม่นานฉันก็จะเริ่มปวดหัว ฉันกินยาและรีบล้มตัวลงนอนก่อนที่อาการจะทรุดมากไปกว่านี้ ในบ่ายวันหนึ่งประมาณต้นเดือนกันยายนน่าจะวันที่1ของเดือนเลย ฉันมีความรู้สึกอยากไปที่ไหนสักแห่ง แต่ฉันไม่รู้ว่าที่ไหน ฉันรู้สึกว่ามีคนเรียกให้ฉันไปหา เขาอยากให้ฉันไปหา และฉันก็อยากจะรู้ว่าเขาอยากจะให้ฉันไปไหน ฉันอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและลงไปหน้าหอ ฉันขึ้นรถที่อยู่หน้าหอและบอกให้ขับไปเรื่อยๆฉันพยายามนึกว่าจะไปไหนดีตอนนี้ฉันเบื่อและไม่อยากจะทำอะไรแต่ในแวบนึงของความคิดอยู่ๆฉันก็โน้มตัวลงไปบอกคนขับว่าให้ไปส่งฉันลงที่เดอะมอลล์

                  เมื่อไปถึงฉันเดือนเข้าไปข้างใน ฉันตกใจกับสิ่งที่ฉันเห็น ทำไมทุกอย่างรอบตัวฉันมีแค่สีขาวกับสีดำ ฉันไม่เข้าใจแต่ฉันก็ไม่หันหลังกลับ ฉันเดินเข้าไปเรื่อยๆมองผู้คนรอบกายที่เป็นเหมือนเงาดำๆอยู่รอบตัว และทุกอย่างที่ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตก็เป็นสีขาวโพลน ฉันเดินไปเรื่อยๆและคิดอะไรเรื่อยเปื่อย ความรู้สึกที่ว่ามีคนเรียกให้ฉันไปหาได้หายไป ฉันก็ไม่เข้าใจว่าทำไม ฉันเดินต่อไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมายและระหว่างที่เดินไปมาในห้างฯก็เกิดคำถามขึ้นในหัวของฉันเต็มไปหมด ฉันมาทำอะไรที่นี่ ผู้คนรอบข้างฉันมาทำอะไรที่นี่ แล้วทำไมฉันต้องมา ฯลฯ และความคิดสุดท้ายก่อนที่ฉันจะรู้สึกตัวคือ วินาทีสุดท้ายที่คนจะฆ่าตัวตายเขารู้สึกยังไงนะ

                  ฉันสะดุ้งตื่นจากความคิดนั้นด้วยเสียงโทรศัพท์มือถือ เมื่อมองไปรอบกายปรากฏว่าตอนนี้ฉันยืนอยู่ในร้านหนังสือบนชั้นสองของห้างฯและทุกอย่างก็กลับเป็นปกติแล้ว ไม่ใช่เพียงภาพขาว-ดำอย่างตอนที่ฉันเดินเข้ามาในตอนแรก ฉันก้มลงให้ความสนใจกับโทรศัพท์มือถือ เบอร์เพื่อนคนหนึ่งของฉันโชว์ขึ้นมา ฉันกดรับโดยไม่ต้องใช้ความคิด ฉันกล่าวคักทายและก้มลงมองหนังสือที่พี่พนักงานเรียงขึ้นฉัน ในความคิดของฉันตอนนั้นคือ มีหนังสือที่คนคิดจะฆ่าตัวตายแล้วกลับใจมาเขียนเอาไว้จะมีบ้างรึเปล่านะ แต่ฉันก็สะดุ้งจากความคิดเมื่อได้ยินเสียงเพื่อนฉันเรียกซะลั่นโทรศัพท์

                  เพื่อนฉันถามว่าเป็นอะไร ฉันตอบกลับไปว่าเปล่า แล้วถามเขากลับไปว่า

                  เม่น เม่นว่า...วินาทีสุดท้ายที่คนคิดจะฆ่าตัวตายเขารู้สึกยังไงนะฉันถามเขาไปแค่นั้นแหละ แล้วฉันก็ได้คำด่าโต้ตอบกลับมาอีกเป็นโขยง รอยยิ้มบางๆค่อยปรากฏขึ้นบนใบหน้าฉัน ฉันรู้สึกกับการร้อนตัวของเขา ฉันเพียงแต่ถามไม่ได้คิดจะทำ ในตอนนั้นฉันรู้สึกดีใจที่เพื่อนของฉันโทรมาตอนนี้ เขาทำให้ฉันรู้ว่ายังมีเขาที่เป็นห่วงและจะคอยอยู่เคียงข้างฉันเสมอ อีกทั้งไหนจะคนในครอบครัวและคนรอบข้าง ฉันเลยหัวเราะแล้วตอบกลับไปว่า

                  เม่น เค้าแค่ถามเม่นนะ ไม่ได้คิดจะทำ เม่นมาบ่นอะไรเนี่ยแล้วเจ้าตัวเขาก็เก๊กหลุดค่ะ ทำนองว่าไอ้ที่กูด่ามึงไปทั้งหมดเนี่ยเพราะกูร้อนตัวไปเองใช่มั้ย เขาทำให้ฉันหัวเราะ เขาทำให้ฉันไม่รู้สึกว่าต้องอยู่คนเดียวในยามนี้ เขาถือเป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่ง ฉันว่า...ฉันรักเขานะ

                  เมื่อกลับมาถึงหอพัก...ฉันเริ่มคิดถึงคำสอนของพ่อ คิดน่ะเราคิดได้ แต่คิดแล้วเราจะทำหรือเปล่านั่นต่างหากที่สำคัญ ทุกครั้งเราต้องคิดก่อนจะทำนะลูกพ่อจะสอนฉันกับน้องๆเสมอ ฉันคิดอยากจะเข้าใจความรู้สึกของคนเหล่านั้น แต่ฉันไม่ได้คิดจะฆ่าตัวตาย เพราะฉันยังมีความฝันอีกเยอะที่อยากทำ และข้อสำคัญ...ฉันจะไม่ยอมตายจนกว่าจะได้เจอเขาคนนั้นผู้ชายที่ฉันรักเสมอมาและจะรักเขาตลอดไป

                  หลังจากที่ฉันทบทวนความรู้สึกตัวเองมันทำให้ฉันได้รู้ว่าตอนนี้ฉันกำลังมีความคิดที่น่ากลัวสุดๆ โตขึ้นฉันอยากเป็นหมอเพราะอยากจะรักษาคนที่เขาเป็นอย่างฉัน ฉันไม่อยากจะให้ใครต้องมาทนรับความเจ็บปวดแบบฉัน และฉันก็ได้ศึกษาโรคต่างๆควบคู่ไปด้วย อาการที่ฉันเป็นทำให้ฉันได้รู้ว่านอกจากไมเกรนแล้ว ฉันอาจจะเป็นโรคซึมเศร้า ฉันโทรหาพ่อและขอให้พ่อเข้ามาหาฉันในวันรุ่งขึ้นเพื่อที่จะไปโรงพยาบาล

                  แล้วมันก็เป็นอย่างที่ฉันคิด หลังจากที่ฉันได้พูดคุยโต้ตอบกลับมาทำให้หมอวินิจฉัยออกมาว่า ตอนนี้นอกจากไมเกรนแล้ว ฉันยังเป็นโรคซึมเศร้าด้วย หมอพยายามที่จะหาสาเหตุที่ทำให้ฉันคิดมากแต่พูดเรื่องอะไรมา ก็เหมือนกับฉันไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบหมอเลย จนมาถึงเรื่องสุดท้ายหมอพูดเรื่องแม่ สำหรับฉันที่โตมาโดยมีพ่อและญาติๆเลี้ยงเป็นอะไรที่แย่สุดๆเมื่อหมอพูดถึงแม่ สำหรับฉันคำว่าแม่...ในความทรงจำของฉัน มันมีแต่ความโหดร้ายทารุณและเหี้ยมโหด ฉันกลัวที่จะต้องเผชิญกับแม่เพียงลำพัง ฉันรับไม่ได้หากจะต้องไปนั่งคุยกับแม่โดยปราศจากบุคคลอื่นอยู่ได้ พูดได้ว่าฉันกลัวและเข็ดที่ไม่อยากจะเข้าใกล้แม่ หมอบอกพ่อว่าตอนนี้น่ะลูกเป็นโรคซึมเศร้าแล้วนะ เชิงๆว่าขาดความอบอุ่นเพราะมาเรียนห่างไกลพ่อแม่ ถึงเค้าจะอายุ15ปีกว่าแล้วแต่ถึงยังไงเค้าก็เป็นแค่เด็ก เค้าเหนื่อย เค้าเรียนมาในแต่ล่ะวันเค้าเหนื่อยมาก หมอรู้...หมอว่าหมอเข้าใจเขานะ

                  เพียงคำพูดที่หมอบอกว่าหมอเข้าใจฉัน...มันทำให้ฉันร้องไห้ แค่นี้เองที่ฉันต้องการ ฉันต้องการแค่คนที่เข้าใจ ไม่ใช่คนที่คอยซ้ำเติมอย่างแม่ หมอแนะนำกับพ่อให้นำตัวฉันกลับบ้าน ฉันกลับไปรักษาตัวที่บ้านโดยมีระยะเวลาหนึ่งอาทิตย์ถัดจากนั้นฉันมีนัดหมอ ฉันกลับไปอยู่บ้านแล้วอาการฉันดีขึ้น ฉันมีความสุขที่จะได้อยู่ในห้องของฉัน ห้องที่ฉันนอนมาตั้งแต่เด็กๆ ฉันผูกพันและรักบ้านของฉันมากๆ

                  ในวันเสาร์ก่อนวันนัดหมอหนึ่งวันฉันพูดกับเพื่อนเก่าตอนประถมของฉันว่า

                  อยากคุยกับเขาคนนั้นจัง ไม่รู้ว่าเขาจะเป็นยังไงบ้าง เพื่อนฉันสวนกลับมาว่า

                  อ้าว ไม่ได้ติดต่อกันอยู่หรอ ก็เห็นสนิทกันจะตายฉันตอบกลับไปว่า

                  แรกๆเค้าก็โทรไปหาอยู่หรอก แต่พักหลังดูเหมือนเขาจะติดธุระตอนเย็น โทรไปก็เจอแต่แม่เขา ฉันก็เลยไม่อยากโทรไปกวน แล้วตอนนี้ก็ไม่กล้าโทรด้วย กลัวเขาคนนั้นจะจำฉันไม่ได้ มันคงเจ็บปวดน่าดูฉันร้องไห้ออกมาอย่างสุดจะทน ฉันคิดถึงเขา ฉันอยากให้การรอคอยของฉันสิ้นสุดลงสักที เพื่อนของฉันเลยบอกว่า

                  เอาเบอร์เขามาสิเดี๋ยวเค้าจะโทรไปถามให้ฉันก็เลยบอกเบอร์แม่ของเขาไปและบอกเพื่อนว่า แค่ถามหาว่าเขาสบายดีรึเปล่าก็พอนะ เราอยากรู้แค่นั้น เพื่อนฉันตอบตกลงแล้ววางสายไป

                  ฉันตื่นเต้นมากๆจนทำอะไรไม่ถูกมันดูลนลานไปหมด ฉันเฝ้ารอเวลาที่เพื่อนของฉันจะโทรกลับมา และฉันหวังว่าคำตอบที่ได้กลับมาจะทำให้ฉันดีใจ ฉันเฝ้ารอ...รอแล้วรออีก และในที่สุดเพื่อนฉันก็ติดต่อกลับมา แต่คำตอบที่ได้รับทำให้ฉันรู้สึกเศร้าใจ เพื่อนฉันบอกว่า แม่เขารับน่ะ บอกว่าเขาไปเรียนพิเศษ แล้วก็ถามว่าใครพูดอยู่ฉันรู้สึกเสียดายที่ไม่รู้ว่าตกลงตอนนี้เขาเป็นอย่างไรบ้าง แต่ประโยคถัดมาที่เพื่อนฉันพูดทำให้ฉันยิ้มทั้งน้ำตา แต่แม่เขาจำเมย์ได้นะ แม่ขอเบอร์เมย์ไปด้วย เค้าก็เลยให้ไป แม่บอกว่าเดี๋ยวเขากลับมาแล้วแม่จะโทรกลับฉันดีใจจนไม่รู้จะพูดยังไงฉันได้แต่บอกขอบคุณเพื่อนและกดวางสายไป และได้แต่รอว่าแม่เขาจะติดต่อกลับมาจริงๆ

                  ฉันรอตั้งแต่เที่ยงยันเย็นก็ยังไม่มีการติดต่อกลับมา พ่อฉันเรียกลงมากินข้าวเย็นเพราะตอนนั้นมันก็หกโมงกว่าๆแล้ว ขณะที่ฉันกำลังจะตักข้าวเข้าปาก เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ฉันแอบตื่นเต้นว่าจะเป็นเขารึเปล่า ฉันค่อยๆเอามือถือออกมาดูและได้เห็นว่าแม่เขาโทรกลับมาจริงๆ จานข้าว แก้วน้ำ อาหาร ฉันบอกน้องให้จัดการให้เรียบไม่ต้องเหลือไว้ ฉันวิ่งขึ้นห้องกดล็อคประตูลงกลอนและกดรับโทรศัพท์ วินาทีนั้นฉันแทบหยุดหายใจเมื่อแม่เขาพูด

                  เมย์หรือเปล่าลูกฉันตอบกลับไปว่า

                  ค่ะแม่ เมย์เองแล้วแม่เขาก็พูดต่อไปว่า

                  ต้นกลับมาแล้วนะลูก จะคุยกับต้นหรือเปล่าในวินาทีนั้นน้ำตาฉันปริ่มๆจะไหลก็ไม่เชิงมันคลอไปหมด ฉันตอบแม่เขากลับไปว่า

                  คุยค่ะแม่ แล้วฉันก็ได้ยินเสียงแม่เรียกเขา ฉันนั่งรออย่างตื่นเต้น เมื่อเขารับโทรศัพท์และพูดออกมา ฉันพูดไปว่า

                  ต้น...เค้าเมย์นะเขาตอบกลับมาว่า

                  อื้อแล้วฉันก็ถามเขาต่อว่า

                  ต้นจำเค้าได้รึเปล่าเมื่อสิ้นคำถามของฉัน เขาก็ตอบกลับมาคำตอบของเขาทำให้น้ำตาฉันไหลเป็นทาง

                  จำได้สิเขาพูดชื่อจริงและนามสกุลของฉันออกมา ฉันดีใจจนไม่รู้จะทำยังไง

                  แล้วฉันก็ได้คุยกับเขาและรู้ว่าเขาสบายดีฉันถามว่าเขามีมือถือมั้ย เค้าตอบกลับมาว่ามี ฉันเลยขอเบอร์มือถือ แต่เขากลับถามว่าเมย์เล่น MSN รึเปล่า ฉันก็ตอบกลับไปว่าเล่น เขาเลยบอกว่างั้นคุยกันใน MSN ดีกว่า ฉันก็ตอบตกลงแล้วเขาก็ถามอี-เมล์ของฉัน แต่แล้วตอนที่ฉันกำลังบอกอี-เมล์กับฉันมันก็มีสิ่งให้ฉันอึ้ง ก็อี-เมล์ของฉันน่ะบอกรักเขาเต็มๆ ฉันทนไม่ได้ถ้าเขาจะรู้ ฉันกลัวว่าเขาจะไม่คุยกับฉัน ฉันนึกขึ้นมาได้ว่ามีอีกเมล์ที่ไม่ค่อยได้เข้าและฉันก็บอกเมล์นั้นไป ฉันกดเปิดคอมและรอให้หน้าต่างแสดงคำขอพบเพื่อนเด้งขึ้นมา และไม่นานฉันก็สามารถคุยกับเขาใน MSN ได้

                  พวกเราวางสายโทรศัพท์มือถือและมานั่งคุยกันผ่านหน้าจอคอมแทน ฉันได้เบอร์มือถือเขา และเขาก็ได้เบอร์มือถือฉัน เขาขอรูปฉันไป ฉันก็ส่งให้ และฉันก็ได้ขอรูปเขา เมื่อเขาส่งมาให้ ฉันถึงกับนั่งดูทั้งน้ำตา เขาไม่เปลี่ยนไปเลย แค่สูงกว่าตอนนั้นแล้วก็ดูจะแมนกว่าตอนนั้นเยอะ เพราะเด็กๆเค้าน่ารัก ฉันถึงกับหลุดขำกับท่าเก๊กของเขา มันเก๊กหลุดซะไม่มี เราคุยกันเรื่อยๆตั้งแต่ราวๆหนึ่งทุ่มจนดึก เขาถามฉันว่ามีแฟนรึยัง ฉันตอบกลับไปว่าเคยมีแต่เลิกกันไปแล้วตอนนี้ไม่มีอ่ะ แล้วฉันก็ถามกลับว่าแล้วต้นล่ะมีหรือยัง คำตอบของเขาทำให้หัวใจฉันเต้นเร็วและแรงขึ้น เขายังไม่มีใครและไม่เคยมีใคร ฉันดีใจที่อย่างน้อยเขาคนนี้...คนที่ฉันรัก ก็ไม่เคยคบกับใครมาก่อนหน้านี้ พวกเราคุยกันได้ไม่นานแต่ฉันสามารถที่จะหัวเราะและร้องไห้ไปกับการกระทำของเขา ฉันมีความสุขมากที่รู้ว่าเขาสบายดีอีกทั้งตอนนี้ยังบ๊องสุดๆ

                  แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น...เขาขอฉันคบ เขาบอกว่าเขารักฉัน ฉันดีใจมากแต่ก็ลังเลเพราะเราพึ่งจะกลับมาติดต่อกัน มันจะดีเหรอถ้าจะคบกัน เมื่อเขาถามฉันซ้ำอีกเป็นครั้งที่สอง ฉันก็ไม่ลังเลที่จะตอบตกลง เพราะฉันกลัวว่าถ้าฉันปล่อยเวลาให้ผ่านไปเหมือนครั้งก่อน ฉันจะเสียเขาไปอีกครั้ง ตอนนี้เราคบกัน ฉันมีความสุขที่ได้ยินเสียงเขาหัวเราะเวลาฉันเล่าเรื่องอะไรก็ตาม ฉันมีความสุขที่ได้รู้จากเพื่อนๆว่าเวลาอยู่ที่โรงเรียนเค้าเป็นยังไงบ้าง
                  ในที่สุดการรอคอยของฉันก็สิ้นสุด...ฉันอยากจะขอบคุณฟ้า ขอบคุณทุกอย่าง ที่ช่วยให้ฉันกับเขาได้กลับมาคุยกันอีกครั้ง ถึงจะยังไม่ได้เจอตัวกันเป็นๆ แต่แค่ตอนนี้ฉันก็มีความสุขมากๆแล้ว

                  แค่รู้ว่าเค้าสบายดี...แค่รู้ว่าเค้ามีความสุขกับเพื่อนๆที่นั่น มันก็มีค่ามากมายสำหรับฉันแล้ว ตอนนี้ฉันมีความสุขที่ได้คบกับเขา ฉันรักเขามากและจะไม่ยอมเสียเค้าไปอีกเป็นครั้งที่สองแน่ๆ ฉันอยากจะคบกับเค้าให้นานที่สุด ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากจะให้เกิดเรื่องอะไรขึ้นเลย...

       

                  แต่แล้วเหตุการณ์ที่ฉันไม่เคยคาดคิดว่าจะเกิดขึ้นมันก็เกิดขึ้นจนได้....ทั้งๆที่เพื่อนก็เคยกล่าวเตือนฉันแล้ว แต่ฉันก็ประเมินค่าของหัวใจตัวเองต่ำเกินไป...จนเกินเป็นเรื่องขึ้นมาอีกครั้งจนได้...

                 

                 

       

                 

       

       

       

       

      [เหนือฟากฟ้า]

      จากใจผู้เขียน

      ยังมีต่อตอนที่สามนะคะ ไม่กล้าเขียนให้จบเดี๋ยวมันจะยาวมากเกินไป

      ติดตามต่อในตอนที่สามนะคะ ไม่น่าจะลงเกินวันพรุ่งนี้

      ขอบคุณที่ติดตามค่ะ ^^

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×